7 วิธี “เลิกเป็นคนขี้เกียจ” (ได้ผลทันที!)
7 วิธี ที่จะเลิกเป็นคนขี้เกียจ ซึ่งบางคน อาจจะกําลังเป็นคนขี้เกียจอยู่และกําลังหาวิธีคิดว่า เราจะเลิกเป็นคนขี้เกียจยังไงดี เรามีความพยายามที่อยากจะเป็นคน Active นะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆลองนํา 7 ข้อนี้ไปใช้ดูครับ
สารบัญ
1. เปลี่ยนความคิด
คุณเป็นคนขี้เกียจโดยธรรมชาติหรือเปล่า ความเกียจคร้านที่แท้จริง มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเท่าที่คนทั่วไปคิดนะครับ มีเพียงไม่กี่คนที่ขี้เกียจ อย่างที่พวกเขาพูดเช่น คุณกําลังคิดว่าจะออกกําลังกายในทุกเช้า พอเช้าวันต่อมา คุณก็พยายามหาเหตุผลบางอย่างที่จะไม่ออกกําลังกาย นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนที่ขี้เกียจโดยธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วมีสาเหตุหลายอย่างที่ทําให้คนมีปัญหาในการบรรลุเป้าหมายหรือ สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ คุณอาจมีปัญหาในการควบคุมตนเอง ควบคุมความกลัวในตนเอง คุณพยายามอยู่ใน Comfort Zone ของคุณ เมื่อคุณคิดว่าตัวเองขี้เกียจจริงๆ ลองปรับเปลี่ยนมุมมองของตัวเองดูสิครับ คุณไม่เพียงแค่เพิกเฉยต่อปัญหานั้นๆ แต่คุณยังหลีกเลี่ยงการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอีกด้วย คุณต้องเชื่อในความสามารถของตัวเองนะครับว่าคุณสามารถพัฒนาตัวเองและชีวิตของคุณได้
2. เข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมถึงขี้เกียจ
บางครั้งเราก็อาจจะคิดว่าเรานั้นเป็นคนขี้เกียจ ซึ่งแท้จริงแล้ว อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หากคุณเข้าใจถึงสาเหตุและที่มาของความขี้เกียจของคุณเอง คุณอาจจะไม่ใช่คนขี้เกียจอย่างที่คุณคิด โดยสาเหตุนี้ แบ่งออกเป็น 8 ข้อย่อย ที่จะให้คุณได้ลองพิจารณากันครับ
- ความเหนื่อยล้า บ่อยครั้งที่เราใช้พลังงานไปจนหมดกับการทํางานประจํา 8 ชั่วโมงพอกลับมาถึงห้องคุณกลับต้องล้มตัวลงนอนเพราะความเหนื่อยล้าเหนื่อยจนไม่อยากจะทําอะไร
2. แอบเสียใจ คุณกําลังรู้สึกว่าโอกาสผ่านไป คุณกลับคว้ามันมาไม่ได้ คุณจึงบอกว่ามันสายเกินไปที่จะเริ่มโดยไม่ใช้ความพยายามและไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง
3. ความอับอายในใจ ความอับอายในใจ อาจทําให้คุณไม่มีประสิทธิภาพและเป็นการทําลายความคิดของคุณนะ โดยส่วนใหญ่ ความละอายใจ จะมาจากการขาดความเห็นอกเห็นใจในตนเอง คุณรู้สึกคับข้องใจกับตัวเอง ที่ขี้เกียจจนในที่สุด คุณก็กลายเป็นสิ่งที่คุณพยายามจะหลีกเลี่ยงมัน
4. กลัวการเข้าสังคม คุณกลัวการเข้าสังคมเพราะตัวเองอาจจะทําอะไรโง่ๆไป ซึ่งทําให้คุณอับอาย คุณจึงต้องเลือกไม่เข้าสังคมในที่สุด
5. วิตกกังวล เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆที่ไม่รู้หรือต้องท้าทายกับบางสิ่ง คุณต้องวิตกกังวลกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งนําไปสู่ความล้มเหลวในท้ายที่สุด
6. กลัวในสิ่งที่ไม่แน่นอน ความเกียจคร้านที่เกิดจากความไม่แน่นอน คุณอาจจะลังเลเมื่อมีบางสิ่งที่ซับซ้อนหรือสับสนแต่ความสับสนนี้ เป็นส่วนหนึ่งความท้าทายและการพัฒนาในอนาคต
7. เฉยเมยหรือเฉื่อยชา คุณขี้เกียจเพราะคุณไม่สนใจสิ่งนี้มักเป็นสัญญาณของคนที่ไร้จุดหมาย ดังนั้นคุณต้องค้นหาสิ่งที่สําคัญสําหรับตัวคุณเอง
8. เชื่อว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ หากบอกตัวคุณเองว่าคุณเป็นคนขี้เกียจ คุณก็จะเชื่ออยู่แบบนั้นครับ ยอมรับว่าตัวเอง เป็นแบบนั้นจริงๆ
3. พยายามหาเส้นชีวิตของตัวเอง
ความขี้เกียจ เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆครับ เพราะจะทําให้เราไม่พัฒนาและย่ำอยู่กับที่ ลองหาเป้าหมายให้กับตัวเองเพื่อไปสู่ความสําเร็จ ลองมองภาพในอนาคตว่าชีวิตอีกสัก 10-20 ปีนี้ คุณจะเป็นยังไง หากคุณไม่ยอมทําอะไรปล่อยให้ชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อยากจะมีหุ่นที่แข็งแรงดูดี แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ยังกินขนมอยู่ไม่หยุดปาก และ ไม่เริ่มออกกําลังกายสักที ดังนั้นลองถามตัวเองดูซิว่าถ้าฉันไม่ทําแล้วเมื่อไหร่ฉันจะสําเร็จล่ะ
4. เพิ่มคุณค่าให้กับงาน
เคยไหมที่ทํางานไปวันๆโดยไม่มีจุดหมาย ซึ่งการทํางานไปวันๆ คุณอาจจะกลายเป็นคนที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทํางาน ไม่ใส่ใจกับงานมีวิธีง่ายๆในการขจัดความเกียจคร้านแบบนี้ได้นะครับ โดยพยายามตั้งเป้าหมายหรือสร้างนิสัยใหม่ๆ อย่าเพิ่งจดสิ่งที่คุณกําลังทําลงไป แต่ควรโน็ตว่าทําไมมันเป็นส่วนสําคัญในชีวิตของคุณ เมื่อคุณรู้คุณค่าของเป้าหมายแล้ว งานที่คุณต้องทำ ก็จะมีความหมายมากขึ้นและคุณก็มีความสุขมากขึ้นด้วยนะ
5. เช็คความคืบหน้า
อย่าลืมติดตามความคืบหน้าของคุณ แม้แต่การทําสิ่งเล็กๆก็สามารถช่วยให้คุณมองย้อนกลับไปถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวคุณเองได้อาจเป็นแรงจูงใจที่ดีเมื่อคุณรู้สึกท้อแท้และขี้เกียจ ลองบันทึกสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้กําลังใจตัวเอง เพราะมันช่วยให้ผลักดันเอาชนะอุปสรรค เช่น การดูแลผิวหน้าที่มีแต่สิวและรอยดำ พยายามใช้ครีมที่เภสัชแนะนํา พยายามดูแลผิวหน้าทุกวันไม่ขี้เกียจทาครีมและลองถ่ายรูปก่อน หลังเพื่อให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงมันจะช่วยทําให้คุณรู้สึกดีและมีกําลังใจมากขึ้น
6. แบ่งเวลาพัก
หลายคนคิดว่าการทํางานอย่างมีประสิทธิภาพหมายถึงการทํางานเป็นชั่วโมงๆ คิดว่าคุณควรจะทําทุกอย่างให้เสร็จในคราวเดียว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลยครับ แทบไม่มีใครทํางานแบบนั้น แม้แต่คนที่เก่งมากๆก็มีช่วงระยะเวลาที่ช้าหรือหยุดทํางาน ตลอดทั้งวันอย่าคาดหวังให้ตัวเองนั่งทํางานมีสมาธิเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมงติดต่อกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ การพักเบรคงาน มันไม่ใช่เรื่องผิด อันที่จริง การพักมีประโยชน์อย่างมากเลยล่ะ เราสามารถทําได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจมองได้ว่าเป็นความขี้เกียจอย่างหนึ่งถ้าคุณใช้มันอย่างถูกวิธี มันก็จะมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็ถ้าคุณพักเบรกอยู่เป็นเวลานาน คุณจําเป็นต้องทํางานให้ได้หนึ่งเท่าที่คุณพักไป อาจจะพักหนึ่งนาทีต้องเพิ่มเวลาทํางานเป็นสามนาทีแบบนี้ก็ได้เช่นกันนะ
การแบ่งเวลาพักหรือการหยุดงาน คุณอาจจะรู้สึกผิดรู้สึกโกรธที่ยังทํางานไม่เสร็จแต่ก็แอบหนีไปพักซะและ คุณจะคิดว่าเป็นการผลัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งความคิดเหล่านี้ ทําให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง ซึ่งลองเปลี่ยนมุมมองให้กับตัวเองดูสิดังนั้นอย่ากังวลว่าคุณจะต้องทํางานเป็นชั่วโมง แบ่งวันของคุณเป็นช่วงพักสั้นๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงที่สุดในการทํางานของคุณ
7. ให้อภัยกับตัวเอง
การให้อภัยหรือเมตตาต่อตัวเอง หากคุณกําลังพลาดพลั้งในระหว่างที่คุณกําลังต่อสู้กับความขี้เกียจอยู่นั้น คุณต้องรักษาทัศนคติในทางบวกเกี่ยวกับตัวคุณเองไว้ สิ่งสําคัญคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเองเมื่อคุณล้มเหลวเพียงเพราะคุณทําพลาดครั้งหรือสองครั้ง มันไม่ได้หมายความว่าคุณควรทิ้งเป้าหมายของคุณออกไป คุณจะรู้สึกมีช่วงเวลามากมายในชีวิตแต่อย่าปล่อยให้ความล้มเหลวเหล่านั้นมาทําลายแรงจูงใจและการเคารพของตัวเอง ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถเติบโตเป็นคนที่คุณอยากเป็นไปได้ต่อไป
และนี่ก็คือ 7 วิธีที่จะช่วยหยุดความขี้เกียจของคุณ ความขี้เกียจ เป็นสิ่งที่แย่ครับถ้าคุณใช้มันไม่ถูกเวลา แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันที่จะทําให้คุณได้พักผ่อนเพื่อเริ่มต้นงานดีๆในอนาคต ดังนั้นจงใช้มันให้เป็นและอยู่กับมันให้มีความสุขครับ บางอย่างตึงไปมันอาจจะทําให้คุณเครียดจนส่งผลในวิถีการใช้ชีวิตและงานโดยรวมของคุณก็ได้ลองปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆเพิ่มบ้างลดบ้างทีละอย่างในแต่ละวันอาจจะช่วยให้คนประสบความสําเร็จและมีความสุขไปกับมันได้