7 สิ่งที่เศรษฐีพันล้าน ไม่มีวันซื้อ

คุณอาจจะเคยฝันว่า ถ้ามีเงินพันล้านหรือถูดล็อตเตอร์รี่สักหลาย ๆ ใบคุณคงอยากซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ ซื้อแลมโบกินีหรืออาจเปิดธุรกิจเพื่อต่อยอดให้ตัวเอง แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยและเป็นคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด แต่เมื่อกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริง คุณคงต้องพยายามทำงานหนักมากขึ้น ทำโอทีเยอะ ๆ หรือหนทางอื่น ๆ เพื่อประสบความสำเร็จเพื่อร่ำรวยขึ้น แต่อย่างไรก็ตามความรวยและความจนไม่ได้วัดกันที่จำนวนเงินเข้าออก แต่มันวัดกันที่ทรัพย์สินที่ครอบครอง คุณอาจเห็นว่ามหาเศรษฐีหลาย ๆ คนที่คุณอาจรู้จักมักมีทรัพย์สินมากมายไม่ว่าจะที่ดิน หุ้นส่วนต่าง ๆ ต่างกันกับคนจนที่พยายามซื้อหนี้สิน เพิ่มค่าใช้จ่ายไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นเรามาดูกันว่า 7 สิ่งที่เศรษฐีพันล้าน เขาไม่ซื้อกันมีอะไรบ้าง

  1. รถหรู super car

แน่นอนว่ารถหรูซุปเปอร์คาร์คือรถในฝันของหลาย ๆ คน ไม่ว่าด้วยดีไซน์ แรงม้าและคุณสมบัติเฉพาะที่ไม่เหมือนรถบ้านทั่วไป ฟังไม่ผิดแล้วคนที่ร่ำรวยมาก ๆ เขาเลือกที่จะไม่ใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อรถหรูเก็บไว้ เพราะว่ารถหรูหนึ่งคัน ไม่ใช่เพียงแค่ค่าใช้จ่ายตู้มเดียวเท่านั้น แต่ยังมีค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันรถชั้นหนึ่ง หรือหากสมมุติว่าเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงอาจนำไปสู่การเสียชีวิต ซึ่งไม่คุ้มเลยกับการซื้อรถ  จริง ๆ ในต่างประเทศรถหรู ๆ เหล่านี้อาจมีมูลค่าที่ต่างกันกับบ้านเรา เพราะเป็นแหล่งผลิตและเรื่องของภาษี เมื่อเทียบกับประเทศไทย นอกจากจะต้องเสียเงินซื้อรถที่บวกกับภาษีรถหรูอีก 200 % แทบจะเท่าตัว และยังมีค่าจิปาถะซึ่งคนรวย ๆ บางคนอาจเลือกที่จะไม่ซื้ออย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ นักเตะผิวสีที่เป็นไอดอลของหลาย ๆ คน อาชีพนักฟุตบอลถือว่าเป็นอาชีพที่รวยที่สุดในประเทศอังกฤษ แต่ก็องเต้เลือกที่ซื้อรถเพียงแค่มินิคูเปอร์ 

เมื่อเทียบกับบ้านเรา รถมินิคูเปอร์อาจเป็นรถหรูราคาสูง แต่ในประเทศอังกฤษกลับกลายเพียงแค่รถบ้าน ๆ ธรรมดาครับ 

  1. รอซื้อของเมื่อเซล์

จริง ๆ แล้วการซื้อของเซล์ไม่ได้แปลว่าสินค้านั้นจะหมดอายุในเร็ว ๆ นี้ไปสะหมด แต่มันยังมีทั้งเรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งการรู้จักใช้เงินเป็นอีกคุณสมบัติที่หลาย ๆ คนควรมีครับ 

เพราะว่าสินค้าบ้างประเภทอาจมีต้นทุนที่ต่ำและขายในราคาสูง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนรวย ดังนั้นสินค้าที่ราคาสูง ๆ ไม่ได้แปลว่าจะดีไปสะหมดสะทีเดียว ซึ่งคนประสบความสำเร็จหรือคนรวยเนี้ยะ เขามีหัวธุรกิจและสามารถแยกได้ว่าสินค้าตัวไหนเหมาะแก่การซื้อ ที่มาพร้อมกับคุณภาพที่สมควรจ่ายครับ

  1. ไม่ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนม 

หลายคนคงเคยเห็นเสื้อผ้าแบรน์ดเนมที่คนรวย ๆ หรือคนมาดสังคมนั้นสวมใส่กัน แต่ก็ยังมีคนรวยบางกลุ่มที่ไม่ได้ให้ค่ากับเสื้อผ้าแบรน์ดเนมเหล่านี้ เพราะพวกเขารู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านี้อาจไม่จำเป็นในชีวิตของเขา หรือมันก็เป็นเพียงแค่ใยฝ้ายที่รวมกันและเพิ่ม value เพียงเท่านั้น คนรวยบางคนอาจไม่สนับสนุนให้ทารุณสัตว์ เพื่อนำขนหรือหนังของพวกมันมาเป็นเครื่องประดับครับ แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง เสื้อผ้าของแบรนด์เนมยังสามารถสร้างรายได้ และยังเพิ่มบุคลิกของคุณให้น่ามองมากยิ่งขึ้น

  1. เลิกซื้อกาแฟ

ปฎิเสธไม่ได้เลยครับว่า กาแฟเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเรามาก ๆ ไม่ว่าจะช่วยทำให้เราตื่นตัวพร้อมทำงาน เป็นเครื่องดื่มช่วยให้คุณไม่ง่วง รวมไปถึงยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คุณเคยลองคำนวณหรือไม่ว่า ? ในระยะเวลา 1 ปี คุณดื่มกาแฟกี่ครั้ง ? คุณต้องจ่ายค่ากาแฟกี่บาทต่อปี สมมุติว่าคุณซื้อกาแฟแก้วละ 150 บาทจากร้านกาแฟชื่อดังที่มีแฟรชไชน์ทั่วโลกดื่มทุกวัน เมื่อคำนวณดูแล้ว ใน 1 เดือนคุณจ่ายค่ากาแฟ 4,500 บาทเมื่อเทียบต่อปีก็อยู่ที่ 54,000 บาทเลยทีเดียว ดังนั้นคนรวยบางกลุ่มจึงเลือกที่จะไม่ซื้อกาแฟดื่ม แต่อาจจะเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟพร้อมดื่มสามารถทำเองที่บ้าน เมื่อเทียบกับการซื้อกินจากข้างนอก อาจคุ้มกว่าเยอะครับ

  1. เลิกซื้อขนมที่ไม่มีประโยชน์

ฟังดูอาจจะแปลก ๆ ว่าทำไมคนรวยถึงเลิกซื้อ เพราะว่าขนมบางประเภทอาจมีราคาสูง และแถมไม่ดีต่อสุขภาพ การที่จะเป็น CEO หรือคนที่ร่ำรวยแล้วเนี้ยะ สิ่งแรกที่พวกใส่ใจคือสุขภาพของตนเอง เพราะหากคุณจะบริหารบริษัทใหญ่ ๆ ของคุณได้หรือขับเคลื่อนองค์กร คุณต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกซื้ออาหารขยะและขนมที่ไร้ประโยชน์ หันมาใส่ใจต่อสุขภาพร่างกายของตัวเองครับ

  1. งดยืมเงิน

เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนธรรมดาก็ต้องเจอ เรื่องการยืมเงินถือเป็นปัญหาระดับชาติ และเสียความสัมพันธ์กันไปนักต่อนักแค่เรื่องยืมเงิน คุณอาจจะมีเพื่อนฝูงมากมาย มีหลายสังคม หากมีเพื่อนหรือญาติมิตรขอยืมเงิน คุณควรเลือกปฎิเสธครับ เพราะถึงแม้ว่าคุณอยากจะช่วยเหลือคนเหล่านั้นในยามที่เขาเดือดร้อน แต่หากเกิด accident ใด ๆ ที่ไม่คาดคิดเช่น เบี้ยวเงินบ้าง หายหัวไปเลย มันคงไม่คุ้มกัน เสียทั้งเงินเสียทั้งเพื่อน แต่หากคุณให้ยืมด้วยสัญญาปากเปล่า มีสิทธิ์ที่จะโดนเบี้ยวเงิน เมื่อเทียบกับการทำสัญญาการยืมที่เป็นลายลักษณ์อักษร สามารถสู้กันชั้นศาลได้ แต่อย่าลืมไปว่า ถึงแม้จะให้ยืมด้วยสัญญาใจหรือสัญญาเอกสาร 

เมื่อผู้ยืมไม่ยอมจ่ายคืน สิ่งสุดท้ายที่ต้องแลกคือเสียความสัมพันธ์ในที่สุดครับ 

  1. ไม่เสียเงินกับของมึนเมา

แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เลี่ยงไม่ได้และจัดเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง หากคุณติดแอลกอฮอล์ขึ้นมา อาจนำไปสู่ผลร้ายต่อร่างกายและทรัพย์สินครับ เมื่อมองในทางกลับกัน แอลกอฮอล์ยังเป็นตัวแปรช่วยสร้างความสัมพันธ์ เพิ่มอรรถรสการเข้าสังคมและสร้างคอนเนคชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงานภายภาคหน้า ซึ่งปาร์ตี้งานต่าง ๆ หรืองานเปิดตัวโชว์สินค้า ก็ยังมีแอลกอฮอล์เข้ามาด้วย แต่อย่างไรก็ตามคนรวยเลือกที่จะไม่เสียเวลาชีวิตไปกับการดื่มแอลกอฮอล์หรือติดเป็นอาจิน เพราะว่าเหล้ารัมชั้นดีจะมาพร้อมกับราคาที่สูง หากคุณดื่มทุก ๆ วันค่าใช้จ่ายต่อเดือนอาจเพิ่มสูงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเทียบต่อปี มูลค่าค่าใช้จ่ายอาจซื้อรถได้คันหนึ่งเลยละครับ 

และนี้คือ 7 สิ่งที่คนรวยเขาไม่ซื้อกันไม่ว่าจะเป็น รถหรู ไม่ซื้อสินค้าราคาเกินจริง ไม่ซื้อเสื้อผ้าแบรน์ดเนม เลิกซื้อกาแฟ งดขนมคบเคี้ยว งดปล่อยกู้ยืมเงินและไม่ซื้อแอลกอฮอล์

หากคุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม 7 ข้อนี้ได้ ผมเชื่อว่าคุณอาจเป็นมหาเศรษฐีคนต่อไปเลยละครับ