10 เรื่องที่ต้องรู้ในชีวิต (ก่อนจะสายเกินไป)

10 บทเรียนชีวิตที่คุณควรรู้ ก่อนจะสายเกินไป

1. เวลาไม่เคยคอยใคร

คนที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่งมักคิดว่า เรามีเวลามากมายจะทําอะไรตอนไหนก็ได้ไม่สําคัญ แต่จริงๆแล้วเวลาคือสิ่งที่สําคัญมากๆ อย่าคอยแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ว่าพรุ่งนี้ค่อยทําก็ได้ วันหน้าแล้วกันน่ะ หากคุณทําแบบนี้บ่อยๆจะกลายเป็นนิสัยของคนที่ขี้เกียจไปเลยนะครับ บ่อยครั้งที่เราเจอปัญหาหรือทําอะไรที่สายเกินไป เรามักจะเสียดายเวลาและเห็นคุณค่าของเวลาทีหลัง เช่น คุณอาจจะไม่ค่อยชอบแสดงความรักกับพ่อแม่ แต่เมื่อเวลาที่ท่านจากไปคุณอาจจะต้องกลับมาเสียใจทีหลัง หรือ คุณมีโปรเจคที่จะทําแบรนด์เสื้อผ้า แต่คุณไม่เคยลงมือทํามันสักที รอแต่โอกาสหรือผลัดวันไป คุณจะต้องนั่งเสียใจที่ไม่ได้เริ่มมันสักที มนุษย์เรามีอายุไขที่จํากัดอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทําอะไรเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วใครกันล่ะที่ต้องเป็นทุกข์

2. มีความมุ่งมั่น

มีความมุ่งมั่น
มีความมุ่งมั่น

บ่อยครั้งที่เรามีเป้าหมาย มีความฝัน พอทําไปคุณอาจจะเริ่มเบื่อและท้อบ้าง แน่นอนล่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะประสบความสําเร็จหากคุณมีเป้าหมายแล้ว คุณต้องมีความมุ่งมั่นต่อสิ่งนั้นๆให้มากพอ พยายามให้มากที่สุด เช่น คุณอยากจะเป็นแชมป์นักกีฬาเพาะกายระดับประเทศ คุณจําเป็นต้องเข้ายิมทุกวัน เพื่อฝึกซ้อมร่างกาย คุมอาหารรักษาระดับแคลอรี่ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและการฝึกซ้อมที่ถูกต้อง เพื่อให้ไปถึงสู่เป้าหมายเราไม่ควรทําอะไรครึ่งๆกลางๆ หากรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ควรมีความมุ่งมานะและพยายามสร้างแรงจูงใจในการขับเคลื่อนตัวเองให้มีแรงสู้ต่อไปครับ

3. การบ่นไม่ได้ช่วยอะไร

คุณเคยเจอปัญหา ไม่รู้จะแก้ยังไงไหมครับ บ่อยครั้งที่เราเจอปัญหา คนส่วนใหญ่มักจะชอบพูดถึงปัญหาทําไม ทําไม ทําไม อยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้วปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี ดังนั้น 10 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนตายอีกข้อก็คือเลิกบ่น และ หันกลับมาแก้ไขแทน จะช่วยลดเวลาที่คุณเสียไปจากการพูดพล่ามไปมาและแก้ไขให้ตรงจุด เวลาของเรา เป็นสิ่งที่มีค่า คุณอาจจะสังเกตจากที่พวกเขาประสบความสําเร็จ เมื่อพวกเขาเจอปัญหา พวกเขาจะใช้เวลาน้อยมากๆ มานั่งดราม่าถึงปัญหา แต่จะรีบหาวิธีแก้ไขและหาข้อสรุปที่ดีที่สุด ดังนั้นเลิกบ่นและรีบแก้ปัญหา ก่อนที่จะสายเกินไปนะครับ

4. อย่าเสียดายสิ่งที่เคยพลาด

มีงานวิจัยหลายชิ้นพยายามค้นหาว่าประสบการณ์ไหนที่ผู้คนเสียใจมากที่สุดในชีวิต หนึ่งในการค้นพบที่น่าสนใจที่สุดก็คือคนอายุน้อยและคนสูงอายุ มักจะเสียใจในสิ่งที่ต่างกันมากๆ คนที่อายุน้อยกว่าจะรู้สึกเขินอายกับความผิดพลาด เช่น ทํากาแฟหกใส่ตัวเองหรือทําร้ายความรู้สึกของคนอื่น แต่ผู้สูงอายุจะรู้สึกเสียใจกับเรื่องในอดีต เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิตของพวกเขาการพลาดโอกาสต่างๆที่พวกเขาควรเลือก หรือ พวกเขาไม่ได้ทํา หมายความว่าในสิบ ยี่สิบ หรือห้าสิบปี คุณอาจจะมองย้อนกลับไปแล้วหวังว่าคุณจะทํามันมากกว่านี้ อย่าใช้เวลานานกับการเสียดายในเรื่องอดีต ควรมองปัจจุบันและพยายามทําให้วันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้

5. ลองทําสิ่งใหม่ๆ อย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ

มนุษย์คนเรามีอายุขัยจํากัดโ ดยปกติจะอยู่ที่แปดสิบปี แต่บางคนอาจจะจากไปโดยที่ไม่ถึงวัยอันควร ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร คุณอาจจะเป็นคนที่ยึดติดมีตารางชีวิตให้กับตัวเองรู้ว่าวันต่อๆไปคุณต้องทําอะไร ทําไปเพื่ออะไร ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ ดีซะด้วยแหละที่เรารู้ว่าต้องทําอะไรต่อกับชีวิต แต่บางทีการที่เราทําแต่สิ่งเดิมๆซ้ำๆอยู่ตลอดเวลา คุณอาจจะเสียโอกาสที่ลองทําสิ่งใหม่ๆ แน่นอนล่ะว่ามันไม่มีใครอยากทําในสิ่งที่ไม่รู้ แต่เชื่อเถอะครับบางครั้งเราควรลองทําสิ่งใหม่ เพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆ เราอาจจะเจอทางที่ดีกว่าทางเดิมที่เคยทําหรืออาจจะลองผิดลองถูกบ้าง แต่มันก็เป็นอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต เช่น ปกติคุณอาจจะชอบดื่มกาแฟมากๆ คุณมักจะไปคาเฟ่กาแฟบ่อยๆ คุณอาจจะลองซื้อเครื่องมือ ดริปกาแฟมาลองทําเอง อาจจะใช้เวลานานในทุกกรรมวิธี แต่มันก็ได้อีกรสชาติประสบการณ์ที่ดีนะครับ

6. หาจุดที่สบายใจที่สุด

เชื่อว่าหลายๆคนคงเจอความรู้สึกที่ถูกคนอื่นคาดหวังในตัวคุณ มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมดนะครับ คุณอาจจะเจ๋งและเก่งพอที่จะทําให้คนอื่นคิดว่าคุณเทพมากๆเลย ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือกิจกรรมต่างๆ แต่บางครั้งความคาดหวังก็เป็นดาบสองคม เพราะคุณต้องแบกรับความกดดันจากคนอื่น เพราะเขาคาดหวังในตัวคุณ เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกแย่หรือไม่เป็นไปตามคาด คุณอาจจะนอยด์หรือรู้สึกแย่กับตัวเองไปเลย เช่น คุณอาจจะเป็นนักแข่งรถบิ๊กไบค์ที่ได้แชมป์มาหลายสมัย แต่พอวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคุณรู้สึกแย่ เพราะตัวเองทําได้ดีมาโดยตลอด ดังนั้นลองพยายามหาจุดปรับสมดุลให้กับชีวิตและไม่กดดันตัวเอง หาจุดที่สบายใจให้กับตัวเองเพราะคุณไม่ควรทิ้งทั้งหมดของชีวิตอยู่กับความรู้สึกแย่ๆเอานะครับ

7. บางครั้งทําตาม Passion บ้างก็ดี

คนส่วนใหญ่มาเลือกทําในสิ่งที่ได้เงินมากกว่าเดินตามความฝัน หรือ สิ่งที่หลงใหล เงินสามารถซื้อของหลายๆอย่างเช่นบ้าน เสื้อผ้าราคาแพง หรือ แม้กระทั่งรถสวยๆ มันเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วคราว แล้วความสุขแท้จริงคืออะไรล่ะ ความสุขที่จะอยู่กับคุณตลอด เราควรให้ความสําคัญกับสิ่งที่เราสนใจจริงๆ เพื่อความสุขของตัวเอง เช่น คุณเป็นคนที่ชอบดื่มเบียร์เอามากๆ คุณอาจจะลองทําคราฟเบียร์ของตัวเอง ปรับสูตรส่วนตรงนั้นตรงนี้ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การดื่มของคุณเอง ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามสิ่งที่ทําให้เรามีความสุขที่อยู่ในระยะยาวนะครับ

8. ไม่ใช้ทางลัด

ไม่ใช้ทางลัด
ไม่ใช้ทางลัด

คนส่วนใหญ่มักเคยชินกับการทํางานแบบรวบรัด ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้นและไม่เหนื่อยแทน การที่จะต้องมานั่งเริ่มจากศูนย์ถึงร้อยซึ่งมันก็ค่อนข้างนานมากๆ แต่ถ้าเราใช้วิธีลัดในการทํางานหรือดําเนินชีวิต มันไม่ได้ทําให้เราเป็นคนเก่งหรือฉลาดขึ้นเลย เพราะบางทีการที่เราไม่ได้ใช้วิธีลัด หรือ Back to Basic ก็สอนให้เราเรียนรู้วิธีและการเติบโตไปอย่างชาญฉลาดต้องขอย้ำก่อนนะครับว่าวิธีนี้อาจจะใช้ได้แค่บางเรื่องเท่านั้น

9. รักษาสุขภาพ

อีกหนึ่งข้อใกล้ตัวมากๆซึ่งคุณไม่ควรละเลยอย่างยิ่งก็คือการรักษาสุขภาพนั่นเอง คุณอาจจะคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยออกกําลังกายก็ได้ เรื่องสุขภาพทําเมื่อไหร่ก็ได้ หากคุณเป็นคนขี้เกียจออกกําลังกาย ผมขอบอกเลยนะครับว่า หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณมีเป้าหมายอยากจะทําอะไร สิ่งแรกที่ควรให้ความสําคัญที่สุดก็คือสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจะจน ยากดีมีสุข ขนาดไหน สุขภาพต้องมาก่อน คุณคงไม่อยากนึกถึงที่ตัวเองป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลหรอกนะครับ มันคงจะแย่มากๆเลยล่ะ เพราะการออกกําลังกายนอกจากจะทําให้เราแข็งแรงแล้วยังทําให้เราสุขภาพดีขึ้นด้วยนะครับ

10. เผื่อใจไว้บ้าง

ไม่เคยมีใครบอกคุณว่า ความล้มเหลวหน้าตาเป็นยังไงใช่ไหมละครับ คุณต้องเจอด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจความรู้สึกของมัน บ่อยครั้งที่เรามักจะทุ่มเทความคาดหวังกับบางอย่างไว้โดยไม่เผื่อใจคิดถึงความผิดพลาด ผลสุดท้ายมีเพียงใครกันล่ะที่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดหวัง แต่ความผิดพลาดก็ไม่ได้แย่เสมอไปนะครับ มันยังสอนให้เราเรียนรู้ที่จะเติบโตและกล้าเดินไปข้างหน้า คุณไม่ควรอยู่กับความเสียใจเป็นเวลานาน เพราะมันจะทําให้คุณเสียเวลาชีวิต หากเราล้มเมื่อไหร่ก็ควรรีบลุกขึ้นมาเดินต่อไป อย่ามัวแต่นั่งร้องไห้เหมือนเด็กที่วิ่งหกล้มเพื่อรอให้พ่อแม่มาโอ๋ เพราะในชีวิตจริงอาจจะไม่มีใครคอยมาปลอบเรา ในเวลาที่เราล้มหรอกนะครับ ควรยืนหยัดลุกขึ้นด้วยตัวเอง แล้วคุณจะมองข้ามความผิดพลาดเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

และนี่ก็คือ 10 บทเรียนชีวิตที่ต้องเรียนรู้ก่อนจะสายเกินไป แต่ละข้อ มันอาจจะรู้สึกว่าเป็นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตเรา แต่มันก็สามารถเติมเต็มให้ชีวิตเราก้าวหน้าขึ้นและไม่รู้สึกเสียดายทีหลังนะครับ เพราะสุดท้ายแล้วจิ๊กซอว์ชีวิต จะเติมเต็มได้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาสนับสนุนนะครับ