5 นิสัยที่เปลี่ยนแล้ว ชีวิตดีขึ้นแน่นอน

บทความนี้จะมาสรุปนิสัยที่ผมเคยทำแล้วพอตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ก็เลยจะเอามาแชร์กันนะครับ ว่ามีอะไรกันบ้าง

1. เลิกพูดคำว่า “ทำไม่ได้” เปลี่ยนเป็น มีวิธีไหนที่จะทำได้

เมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ ออกจากความเคยชินเดิมๆ อย่างเพิ่งบอกว่าทำไม่ได้ หยุดคิดนิดนึงก่อน ว่ามันผิดศีลธรรมมั๊ย ทำแล้วสร้างความเดือนร้อนให้ใครมั๊ย ถ้าไม่ นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตเราได้ อย่าเพิ่งโพล่งออกไปทันทีว่า “ทำไม่ได้

  • แต่ให้คิดว่า เราจะทำมันได้อย่างไร
  • เราจะทำมันให้สำเร็จได้อย่างไร

เราต้องปลุกกำลังใจ เชื่อมันในเรื่องของการตั้งเป้าหมาย

ผมเคยดูหนังเรื่อง Butterfly Effect ที่แอชตัน คุชเชอร์ แสดง เขาเอาทฤษฎีที่ว่าแค่ผีเสื้อกระพือปีก ก็สร้างทอร์นาโด อีกฝั่งซีกโลกได้

หนังอีกเรื่องที่ผมดูแล้วยิ่ง ย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก็สร้างความแตกต่างในชีวิตได้ นั่นคือ เรื่อง Sliding Doors แสดงโดยกวินเน็ธ พัลโทรว์

ตั้งแต่นั้นผมเลยเชื่อในเรื่อง ของการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อย แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ พอคิดได้แบบนี้ จะทำอะไรก็ตาม ผมก็เชื่อมั่นในใจว่า ขอแค่เราพยายาม สักวันหนึ่งมันต้องทำได้ เราแค่หาวิธีที่จะทำมันให้สำเร็จ ก็เป็นที่มาว่า หาวิธี 10 กว่าปี จนมาลงตัวในปัจจุบันนี่เองครับ

2. พยายามเองก่อนที่จะขอให้คนอื่นช่วย

ตอนสมัยเรียนจะมีนิสัยแบบ ต้องรอให้ครูสั่ง ต้องรอให้ครูบอก ให้ทำอะไร ส่วนคนเก่งๆเขาจะไปขวนขวาย หาทางเรียนเสริมเอาเอง ไม่ต้องรอครูสั่ง เพื่อนบางคนมันไปเอ็นทรานซ์ตั้งแต่ยังไม่จบ ม.6 พอมาสมัยทำงาน เจ้านายไม่สั่งก็ไม่ทำ ทำแค่เขาสั่ง อาชีพการงานก็ลุ่มๆดอนๆ ชีวิตส่วนตัวก็หวังจะให้คนนั้น คนโน้นมาช่วย ไม่คิดจะขวนขวายเอง จนออกมาทำงานอิสระ มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ เราต้องคิด ต้องขวนขวายเอง เพราะไม่งั้นเราไม่รอด

นิสัยที่เปลี่ยนไปคือ พยายามทำเองแทบทุกอย่าง จนไม่ไหวจริงๆค่อยไปหาคนมาช่วย เพิ่มเติมอีกนิด คือ ทักษะใหม่ทีเพิ่งได้คือ พยายามเองในช่วงแรก พอตั้งหลักได้แล้ว ไปหาคนเก่งๆมาช่วย มาทำแทนในจุดที่เราไม่ถนัด แบบนี้จะไปได้ไวกว่า

3. อย่าให้คำพูดของคนอื่น มาทำให้เราลังเล

บางทีเราเดินมาถูกทางละ แต่มีคนมาทัก มีคนมาบอกว่าเดินผิดทางนะ เราก็ลังเล ไม่แน่ใจว่า มันถูกมั๊ย ทั้งๆที่คนที่มาทักก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป บทเรียนตรงนี้คือ เจ็บแสบมาก คือแทนที่เราจะไปได้ดี แต่มาลังเล จากคำพูดใครก็ไม่รู้ ถ้าเราหาข้อมูลมาดีแล้ว คิดแผนสำรองเอาไว้ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผน ตั้งใจว่าจะทำ ตัดสินใจไปเลย ลุยเต็มที่

ผมเคยไปฟัง ไปอ่านคนที่เทพๆ ก็ดันไปเชื่อเขา เพราะเขาดูน่าเชื่อถือ ก็มีเขวๆไปบ้างเหมือนกัน ตอนหลังมาลองลงมือทำเอง รู้เอง มันก็ไม่เหมือนคนที่เทพๆเขาว่าเลยนี่หว่า คือ เขาอาจจะถูกในมุมของเขา แต่เอามาใช้กับเราไม่ได้

ตอนนี้เวลาได้ยิน ได้ฟังอะไรมา จะไม่เชื่อทันที แต่ลองเอาไปลงมือทำ ทำเอง รู้เอง โทษตัวเองดีกว่า

Introvert
Introvert

4. ไม่ต้องทำให้ทุกคนมาชอบเรา

Introvert คือ ผมเองสงสัยมานานละว่า ทำไม ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ไม่ชอบเข้าไปที่คนเยอะๆ ชอบที่สงบๆ มีเพื่อนกลุ่มเล็กๆก็พอ ไม่ชอบเป็นที่สนใจ สรุป เขาเรียกคนประเภทนี้ว่า Introvert ซึ่งคนละเรื่องกับคนขี้อายนะครับ

เป็นตัวของตัวเอง คือ เราต้องเข้าใจก่อนว่าคนเรามีหลายประเภท ไม่ต้องไปพยายามเป็นคนที่ให้คนอื่นมาชอบ หรือ ยอมรับนับถือ อยู่ในจุดที่เราสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง เพื่อนไม่ต้องเยอะ แต่ขอแบบมีคุณภาพจะดีกว่า

กาละเทศะ – เป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ใช่ขวางโลก เราอยู่ในสังคมมันมีจารีต ประเพณี ไม่ว่าเราไปอยู่ประเทศไหน ที่นั้นๆ จะมีขนบธรรมเนียน เราเป็นตัวของตัวเอง แต่ต้องรู้จักกาละเทศะด้วย

เลือกสังคมที่เหมาะกับเรา – ถ้าสังคมไหนทำให้เรารู้สึกอึดอัด ให้ออกมา พยายามหากลุ่ม หรือ สังคมที่เหมาะกับเรา เกื้อหนุนให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น อย่าไปทนอยู่ เพราะสภาพแวดล้อมจะกำหนดตัวเราในปัจจุบันด้วย

5. เหยียบขี้ไก่ไม่ฝอ

ผลัดวันประกันพรุ่ง – จะทำอะไร ทำทันที อย่ารีรอ ถ้ารอเมื่อไหร่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำ เราฝึกลงมือทำทันทีจะสร้างนิสัยที่ เห็นคุณค่าของเวลา เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะมันซื้อไม่ได้ ย้อนเวลาไม่ได้

ทำอะไรเหมือนไฟใหม้ฟาง – อยากก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ แบบนี้ไม่ดี เราต้องมีความสม่ำเสมอ ทำเป็นประจำ ไม่ว่าจะเบื่อ จะไม่เบื่อ ทำมันตลอด ทำไม่เต็มที่ ทำไม่จริงจัง หวังความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่ลงมือทำกระจุ๋ม กระจิ๋ม

ทั้ง 5 ข้อนี้ ก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีของผมเองในอดีตที่ฉุดรั้งทำให้ชีวิตไม่ไปไหน พอได้มาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีคิดก็ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็หว่งว่าบทความนี้จะให้ประโยชน์แก่เพื่อนๆไปลองปรับใช้กันนะครับ