7 วิธีออมเงินให้รวยในยุค โควิด-19 (2021)

7 วิธีออมเงินให้รวยในยุคโควิด19 ช่วงวิกฤตนี้ผมเชื่อว่าหลายคนได้รับผลกระทบกันอย่างแพร่หลายครับ หากคุณกําลังออมเงิน ประหยัดแล้วยังไงก็ไม่รวยสักที มาดู 7 วิธี จิตวิทยาทางด้านการเงิน ที่จะช่วยให้คุณออมเงินได้ผลมากที่สุด

ข้อที่ 1 เปลี่ยนจากใช้บัตรเครดิตมาเป็นเงินสดแทน

เลิกใช้บัตรเครดิต
เลิกใช้บัตรเครดิต

ยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ระบบการใช้จ่ายเงินก็เช่นกันครับ ในอดีตใช้เงินสดในการใช้จ่าย แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เรา ใช้จ่ายเงินได้คล่อง จนเริ่มเข้าสู่สังคมไร้เงินสด หากคุณกําลังออมเงิน เราขอแนะนําให้เปลี่ยนจากใช้บัตรเครดิตที่แสนสบายมาเป็นการพกเงินสดแทน เพราะวิธีนี้สามารถช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองและสามารถยับยั้งใจชั่งใจก่อนจะควักบัตรเครดิตรูดจ่ายแบบไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน

ข้อที่ 2 เขียนรายรับรายจ่ายให้เห็นภาพ

Peter Drucker กล่าวไว้นะครับว่า หากคุณไม่สามารถจัดสรรการเงินได้ ควรหันมาทํารายรับ-รายจ่าย เพราะเขาใช้เวลากว่า 6 เดือนเลยทีเดียวในการทําบัญชีครัวเรือนของเขา ซึ่งมันก็เยี่ยมมากๆ ครับเพราะสามารถเห็นจํานวนเงินว่าถูกจ่ายไปด้วยเหตุผลอะไร การทํารายรับรายจ่าย ช่วยให้เราเห็นภาพที่มาที่ไปของเงินได้ชัดขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเงินมากขึ้นครับ ซึ่งบางครั้งเราใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆพอรวมๆ กันแล้วก็หลายบาทเลยล่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เราควบคุมการจ่ายได้และเพิ่มความระมัดระวังการใช้เงินให้กับตัวเองมากขึ้น

ข้อที่ 3 จะซื้ออะไรให้บอกตัวเองว่า “เดี๋ยวก่อน”

การชะลอการใช้จ่ายด้วยการบอกตัวเองว่า “เดี๋ยวก่อน” อีกสักหนึ่งเดือนค่อยว่ากัน หากคุณเห็นสิ่งของที่รู้สึกว่าอยากได้จริงๆ เช่น Playstation 5 เพิ่งออกมาใหม่ เย้ายวนใจมากๆ จากปกติคุณจะรีบวิ่งไปที่ร้านขายเพื่อซื้อมัน ลองปรับเปลี่ยนมาเป็นการบอกตัวเองว่า รอดูอีกสักหนึ่งเดือนแล้วกัน และเมื่อเวลาผ่านไป ถามตัวเองว่าคุณยังต้องการมันอีกหรือไม่ เพราะวิธีนี้สามารถช่วยลดอาการความอยากได้ดีทีเดียว และ ชะลอพลังความต้องการอันแรงกล้าให้แผ่วบางลงบ้างไม่มากก็น้อยครับ

ข้อที่ 4 ต้องทํางานกี่ชั่วโมงถึงจะซื้อของสิ่งนี้ได้

ทำงานหนักเพื่อซื้อของที่ไม่จำเป็น
ทำงานหนักเพื่อซื้อของที่ไม่จำเป็น

คุณเคยลองคํานวณเล่นๆ ไหมครับว่าคุณต้องทํางานกี่ชั่วโมงถึงจะได้สิ่งที่คุณต้องการ เช่น คุณกําลังตัดสินใจจะซื้อกระเป๋า Gucci ซึ่งมูลค่ารวมกันแล้ว 45,000 บาท ในขณะที่ในฐานะเงินเดือนของคุณแค่ 25,000 บาทเอง หักค่าที่พัก 8,000 บาทหักค่าอาหารต่อเดือนอีก 7,000 บาทค่า เดินทางไปทํางานอีก 4,000 บาทและค่าของใช้ส่วนตัวจิปาถะอีก 3,000 บาทเบ็ดเสร็จ คุณจะเหลือเงินเพียงแค่ 3,000 บาทเอง คุณต้องทํางานกี่ชั่วโมงกัน เพื่อให้ได้กระเป๋าหนึ่งใบ คุณคิดว่ามันคุ้มไหมครับ วิธีนี้หากคุณลองนําไปปรับใช้ คิดคํานวณดู แน่นอนครับว่ามันช่วยดึงสติคุณได้แน่นอน

ข้อที่ 5 เพิ่มรายรับ ลดรายจ่าย

การมองหารายได้เสริมนอกจากงานหลัก เป็นการเพิ่มช่องทางทางการเงินให้กับคุณอีกเช่นกัน แบ่งเงินสําหรับการลงทุนหุ้น, รับงานฟรีแลนซ์ หรือ การทำช่อง Youtube ก็สามารถสร้างเม็ดเงินให้คุณได้เช่นกัน และ อย่าลืมเขียนรายรับ-รายจ่าย ของตัวเองด้วย เพราะมันจะช่วยเตือนสติการจับจ่ายใช้สอยและสามารถดูรายการที่ฟุ่มเฟือย สิ่งไหนที่คิดว่าสามารถลดทอนได้ ก็ควรลดเช่นปกติทุกเช้า คุณต้องตรงดิ่งไปที่ร้านกาแฟทานกาแฟแก้วละห้าสิบถึงหกสิบบาท ถ้าดื่มทุกวัน คิดเป็น 1,2000 บาท ต่อเดือนเลยทีเดียว ลองมาซื้อกาแฟแบบซองเพื่อลดค่าใช้จ่ายดูก็อาจจะดีเหมือนกันนะครับ

ข้อที่ 6 หักเงินบัญชีอัตโนมัติช่วยออมได้

หักเงินบัญชีอัตโนมัติ
หักเงินบัญชีอัตโนมัติ

คุณเชื่อไหมครับว่าเราสามารถตั้งค่าบัญชีหักอัตโนมัติ ก็สามารถช่วยเราออมเงินได้เช่นกันโดยเราแยกบัญชีที่ใช้จ่ายประจําและเพิ่มบัญชีออมทรัพย์ที่ไม่สามารถถอนได้ตั้งค่าโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์โดยตรง วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เก็บเงินไม่ค่อยอยู่หรือ คนที่อาจจะไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะจัดการรายจ่ายหลายๆ อย่าง คุณอาจจะลืมไปเลยว่าคุณได้ตั้งค่าหักบัญชีออมไว้จนเวลาผ่านไป จำนวนเงินก็งอกเงยอย่างน่าพอใจ

ข้อที่ 7 งดดูโฆษณาเย้ายวนใจ

โฆษณาเย้ายวนใจนี่เป็นเคล็ดลับในการประหยัดเงิน แต่พยายามหลีกเลี่ยงโฆษณาทั่วไปซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการซื้อของและต้องตระหนักถึงความจําเป็น เช่น คุณเข้า Seven Eleven เพื่อซื้อชาเขียว ในขณะที่คุณกําลังจะจ่ายเงินกับสาวแคชเชียร์ผมสั้นที่ใส่เหล็กดัดฟันคุณเห็นแล้ว รู้สึกน่ารักเป็นบ้าเลย และวินาทีนั้นเธอพูดว่ารับขนมถีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ ถึงแม้ว่าเธอจะน่ารักขนาดไหน แต่สิ่งสําคัญก็คือคุณเข้า Seven มาเพื่อซื้ออะไรและตระหนักถึงสิ่งจําเป็น

สรุป

และนี่ก็คือ 7 วิธีการออมเงินให้รวยในยุคโควิด-19 ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคน ประสบปัญหาไม่มากก็น้อย จากโรคโควิด19 นี้ อาจจะกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จนเริ่มรู้สึกว่า เราต้องมีเงินเก็บแล้ว ไม่งั้นเกิดเหตุการณ์อย่างงี้ครั้งหน้า เราอาจจะไม่มีเงินทุนสํารองพอที่จะจับจ่ายใช้สอยได้ เพราะฉะนั้นลองนํา 7 ข้อนี้ไปลองปรับใช้กันดูนะครับ