6 วิธีดึงดูด ให้ผู้หญิงมา “หลงรักเรา” (เพิ่มโอกาส 99.99%)

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมและต้องการเป็นที่ยอมรับ เราทุกคนมักเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทําให้ตัวเองดูดีและแคร์ในสายตาคนอื่น เขาจะคิดยังไงกับเราน่ะ ทํายังไงให้ตัวเองดูดี แต่จุดประสงค์หลักๆ หากผู้คนมองในเชิงจิตวิทยาก็คือ การเป็นที่ยอมรับ ซึ่งการเป็นที่ยอมรับมีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ เป็นที่ยอมรับของที่ทํางานหรือเป็นที่รักของทุกคน องค์ประกอบและปัจจัยในแต่ละความสัมพันธ์จะแตกต่างกันออกไป แต่ล้วนแล้วก็ต้องสร้างสิ่งทางกายภาพให้เป็นที่ยอมรับ บทความนี้จะขอเล่าวิธีทํายังไงให้ใครๆก็เข้ามารักเราซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทการเป็นที่ยอมรับเช่นกัน

1. แต่งตัวให้เหมาะสม

คุณแต่งตัวเหมาะสมหรือไม่ มาเริ่มกันที่ด้านกายภาพกันก่อนดีกว่า สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคุณ ที่สามารถแก้ไขได้และเปลี่ยนแปลงได้ คุณไม่จําเป็นต้องเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก แต่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าคุณมีความภูมิใจในรูปลักษณ์และลักษณะการแต่งตัวที่ดี เพื่อสร้างความประทับใจให้กับเพศตรงข้าม เพราะว่าสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักจะมองก็คือการแต่งตัวและความเหมาะสมต่อสถานที่ เช่น คุณกําลังจะมีเดต คุณอาจจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสามส่วนร องเท้าผ้าใบชิคๆสักคู่ คุณต้องแน่ใจว่าสถานที่คุณจะไปนั้นต้องเหมาะสมด้วย ดังนั้นการแต่งตัว ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการดูแลเอาใจใส่ของตัวเองนะครับ

2. กลิ่นกายที่น่าดึงดูด

กลิ่นกายที่น่าดึงดูด

อีกหนึ่งนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่รับรู้ได้ ก็คือกลิ่นตัวนั่นเอง แน่นอนว่าคุณคงไม่อยากเจอคู่เดตที่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรอกนะครับหลายคนมักจะพลาดในข้อนี้กันเยอะ หากคุณมีกลิ่นตัวที่แรงมากๆ ลองหาวิธีกําจัดกลิ่นตัวหรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องกลิ่น เพื่อเสริมบุคลิกและความน่าดึงดูดของคุณ หากเป็นผู้ชายแนะนําให้ใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแนวสปอร์ตๆหรือกลิ่นหอมสดชื่น จะช่วยให้คุณดูเป็นคนน่าค้นหาแต่อยากอยู่ใกล้ด้วยนะส่ วนผู้หญิงควรเป็นกลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นสดชื่นก็ถือว่าดีมากๆเหมือนกัน แต่ขอแนะนํานะครับว่าไม่ควรใช้กลิ่นที่ฉุนหรือแรงเกินไป เพราะคู่เดทบางคนอาจจะไม่ประทับใจในสิ่งนี้ ถ้าจะให้ดีและเซฟที่สุดควรเป็นกลิ่นแนวสดชื่นนี่แหละครับเหมาะสมที่สุดแล้ว

3. สบสายตา

หากคุณอยากเป็นคนที่น่าดึงดูด คุณควรสบสายตาคู่สนทนาด้วย หากมองแต่พื้นหรือไม่ได้มองหน้า ถือว่าเป็นการเสียมารยาทหรือเสียบุคลิกภาพไปเลยนะครับ สายตาที่ควรใช้หรือท่าทางควรเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่ใช่แข็งกระด้างเหมือนหาเรื่อง เพราะหากคุณมีอ Eye Contact กับคู่สนทนาหรือคู่เดตก็จะช่วยให้คุณดูน่าค้นหาหรือเป็นผู้ฟังที่ดีได้นะครับ

4. ยิ้มเพิ่มเสน่ห์

การยิ้มก็เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งเพราะมันจะช่วยบ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่อัธยาศัยดี ดูเป็นมิตรเพราะหากคุณเป็นคนยิ้มยาก แน่นอนล่ะคุณอาจจะกลายเป็นคนที่หน้าบึ้งตึงเอามากๆ ดูไม่น่าเข้าหาเลย ทําให้ผู้คนอาจจะกลัวคุณ แทนที่จะเดินเข้าหา ดังนั้นคุณควรหัดยิ้มบ่อยๆ ติดเป็นนิสัยเพราะมันจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของคุณและทําให้คุณดูน่าดึงดูดขึ้นด้วย หากคู่สนทนาของคุณนั้นพอยิ้มไปด้วย ก็อาจจะแปลว่าเขาหรือเธอกําลังมีท่าทีเป็นบวกกับคุณนะ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนจะต้องรักคุณเพราะรอยยิ้ม แต่ก็เป็นอีกสัญญาณที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นความรักด้านธุรกิจและอื่นๆเป็นต้น

5. สัมผัสบ้าง

สัมผัสบ้าง
สัมผัสบ้าง

หากคุณและคู่เดทของคุณนั้นคุยกันมาสักระยะแล้ว บางทีอาจจะจับโดนเนื้อต้องตัวกันบ้าง หากเธอหรือเขารู้สึกยินดี โดยไม่รังเกียจอาจจะสัมผัสคุณบ้าง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดี เพราะการสัมผัสถือว่าเป็นอีกเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เพิ่มอรรถรสในการสนทนาและความน่าสนใจอีกด้วย บริเวณที่ควรสัมผัสควรจะเป็นมือแขนหรือไหล่ ไม่ควรเป็นบริเวณที่ดูเป็นการลวนลาม เช่น เอวหรือหน้าอก แม้กระทั่งบั้นท้าย เพราะมันจะทําให้คุณกลายเป็นคนไร้มารยาทและหมดเสน่ห์ไปเลยละครับ

6. มีทัศนคติที่ดี

การมีทัศนคติที่ดี เป็นข้อที่สําคัญมากๆว่าคุณและคู่เดทของคุณนั้น จะสามารถเข้ากันได้ดีหรือไม่ สามารถไปในทิศทางเดียวกันได้หรือเปล่า ทัศนคติคือแนวคิดมุมมองต่อสิ่งต่างๆ เกิดจากสภาวะแวดล้อม การอบรม การศึกษาและประสบการณ์ หล่อหลอมให้เกิดความคิด ดังนั้นการมีทัศนคติที่ดีช่วยเพิ่มเสน่ห์แรงดึงดูดจากฝ่ายตรงข้ามมากๆครับ คุณอาจจะแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน ให้อีกฝ่ายได้เข้าใจและเป็นการเพิ่มคุณค่าและแรงดึงดูดให้ตัวคุณอีกด้วย ในละครเราอาจจะเห็นนางเอกและพระเอกมีนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว แล้วได้บรรจบรักกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วคงไม่มีใครอยากเจอคู่ชีวิตที่นิสัยต่างกันมากๆ เพราะมันอาจจะนําไปสู่ความขัดแย้งหรือหย่าร้างกันได้ แต่ก็แล้วแต่คนชอบแล้วนะครับ

และนี่ก็เป็น 6 วิธีที่ทํายังไงใครๆก็มาหลงรักคุณและสามารถเอามาเป็นแบบประเมินว่า คนที่คุณคุยด้วยนั้นผ่านรึเปล่า หากคนที่คุณเดตด้วยไม่ได้มีตามข้อที่กล่าวมาจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอกครับ คนเราไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับบุคคลและความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายครับ