คู่แข่งขายอะไรอยู่ รู้ได้ในคลิกเดียวด้วย Facebook Ad Library
บทความนี้จะมาอัพเดทวิธีการหาสินค้ามาขาย สำหรับคนที่มีปัญหาว่าจะหาอะไรมาขายดี นอกจากนั้นก็จะยังแนะนำไอเดียว่า เราจะเขียนแคปชั่น เขียนอย่างไรให้ขายของได้ การนำเสนอโปรโมชั่น การทำ Sale page วิธีการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย มีวิธีการดูอย่างไรบ้าง บทความนี้จะมาอธิบายแบบละเอียดเลยครับ
ปัญหาของคนยิงแอด Facebook นอกจากจะปวดหัวเรื่อง ยิงอย่างไรให้ปังแล้ว ก็จะเป็นเรื่องอยากจะหาสินค้าใหม่ๆมาขาย เพราะสินค้าตัวที่ยิงอยู่เริ่มตัน เริ่มขายไม่ดี เริ่มมีคู่แข่งเข้ามาตัดราคา เลยอยากจะได้ไอเดียใหม่ ทีนี้จะไปหาที่ไหน
เคล็ดลับที่ผมอยากจะบอก แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบนั่นคือ อะไรที่มันเวิร์คอยู่แล้ว อะไรที่มันขายดีอยู่แล้ว ให้ขายอันนั้น อย่าไปพยายามสร้างสิ่งอะไรใหม่ แปลกๆแหวกแนวมาขายครับ เพราะว่าความต้องการมันก็มีอยู่เหมือนเดิมเราแค่นำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ซึ่งเราจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ เราต้องขายของมาเยอะๆ หรือ สังเกตโฆษณาใน Facebook เยอะๆ เราก็จะพอมองออกว่าสินค้านี้ควรขายแบบไหน สินค้านี้ควรทำโปรยังไง สินค้านี้ควรเขียนแคปชั่นยังไง สินค้านี้ควรขายให้ใคร
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะรู้ได้นั่นก็คือ การวิเคราะห์คู่แข่งนั่นเองครับ
คลังโฆษณา (Facebook Ad Library)
ข้อมูลที่เราสามารถดูจากคู่แข่งที่ลงโฆษณาใน Facebook ได้นั้นเราสามารถหาได้จากหน้า Facebook Ad Library ได้ 2 วิธี คือ
- เข้าจากหน้า Fanpage
เราสนใจดูโฆษณาของคู่แข่งใน Facebook เราก็สามารถเข้าไปที่หน้า Fanpage ได้โดยตรงเลย โดยเราเลื่อนไปดูที่เมนู “ความโปร่งใสของเพจ” ทุกแฟนเพจ จะมีเหมือนกันหมด โดยจะอยู่ที่เมนูทางด้านซ้ายมือในแล็ปท้อป ส่วนในมือถือ ก็เลื่อนลงมาจากด้านบนนิดหน่อย ภาษาอังกฤษจะเขียนว่า “Page transparency” คลิกที่ปุ่ม “ดูทั้งหมด”
เมื่อเข้ามาแล้วให้เลือกคลิกที่คำว่า “ไปที่คลังโฆษณา“
เมื่อเข้ามาแล้ว เราก็จะพบว่า แฟนเพจนี้มีโฆษณาอะไรกำลังออนไลน์อยู่บ้าง
2. เข้าสู่หน้าคลังโฆษณาได้ตรงๆด้วยการเข้าที่ลิ้งนี้ https://www.facebook.com/ads/library/
วิธีการวิเคราะห์โฆษณาคู่แข่งใน Facebook
ในแต่ละโฆษณาสิ่งที่เราสามารถสังเกตได้คือ
- วันที่ได้เริ่มเผยแพร่ ถ้าเราพบว่าเพจนี้มีสินค้าหรือบริการอะไรที่เพิ่งยิงแอด เราก็จะรู้ได้ทันทีว่า เขามีสินค้าอะไรใหม่ๆมาขาย เขากำลังทดสอบสินค้าอะไรอยู่ ตรงนี้เราจะรู้ได้ทันที ถ้าโฆษณานั้นได้เผยแพร่มานานหลายเดือน เราสามารถเดาได้ว่าสินค้าตัวนี้ปัง แต่อย่าไปเอาตัวที่เขายิงมานานแล้วมาขายนะครับ เพราะสินค้าอาจจะอยู่ในช่วงขาลง
- รูปแบบการเขียนแคปชั่น เราสามารถดูได้ว่าคู่แข่งเขียนอย่างไรให้ขายได้ ใช้คำแบบไหนดึงดูดให้คนเข้ามาคลิก
3. การทำข้อเสนอ โปรโมชั่นต่างๆ เขามีกลยุทธ์แบบไหน เช่น 2 แถม 2, มีของแถม, ส่งฟรี, มีรับประกัน สิ่งที่เราจะทำคือ รวบรวมข้อเสนอพวกนี้มาเป็นลิสท์ของเราแล้วนำมาทำเป็นโปรโมชั่นของเราเอง
4. การทำรูปภาพ การทำวิดีโอ หรือ เรียกรวมๆว่า การทำคอนเทนต์ ทำอย่างไร ใช้รูปภาพแบบไหน ใช้วิดีโอแบบไหน เรารู้ได้หมดเลย ยิ่งถ้าแอดไหนยิงมานานแล้วแสดงว่าแบบนั้นมีโอกาสจะปัง เราก็สามารถเรียนรู้แล้วนำมาประยุกต์ในแบบของเราเองได้
5. วัตถุประสงค์ของการลงโฆษณา เราสามารถดูได้ว่า คู่แข่งใช้การขายแบบไหน เช่น ใช้การส่งข้อความ หรือ การยิงแบบ Conversion แต่ในระบบของ Facebook จะไม่ได้ระบุว่ายิงแบบไหน วิธีการจะรู้ได้นั้น เราต้องคลิกเข้าไปที่เพจนั้นๆ แล้วมีส่วนร่วมในเพจ เช่นการกด Like หรือ คอมเมนต์ หลังจากนั้นไม่นานเราจะถูกนำส่งโฆษณามาให้ เราก็สามารถดูได้ว่าเขายิงวัตถุประสงค์อะไร
วิธีการหาสินค้าใหม่ๆมาขาย
ถ้าเราอยากได้ไอเดียใหม่ๆในการหาสินค้ามาขาย เราสามารถพิมพ์คำค้นหาลงไปได้เลย ผลลัพธ์จะมีมาให้เราดูว่าแฟนเพจไหนที่กำลังลงโฆษณาโดยใช้คำค้นหานั้นๆบ้าง เช่น “เก็บปลายทาง” หรือ เปลี่ยนไปใช้คำค้นหาเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นเช่น “ครีม” เท่านี้จะมีสินค้ามาให้เราดูเพียบเลยครับ
สุดท้าย ฟังก์ชั่นตัวกรองที่จะช่วยให้เราหาสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปกรวยดูด้านมุมขวาบนของหน้า คลังโฆษณา เมื่อเราคลิกเข้าไป จะสามารถเลือกได้ว่า เราต้องกรดูโฆษณาที่เป็น รูปเท่านั้น หรือ วิดีโอเท่านั้น หรือ จะดูแยก Platform ก็ทำได้ เช่น อยากจะแอดใน Instagram ก็ทำได้
นอกจากเครื่องมือฟรีที่ Facebook ให้ใช้ฟรีแล้ว มีเครื่องมืออีกตัวหนึ่งที่ผมใช้อยู่ นั่นก็คือ Bigspy.com ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกัน แต่จะมีฟังก์ชั่นที่ใช้ง่ายมากกว่า ใครที่ชอบหาสินค้าใหม่ๆจากต่างประเทศผมแนะนำตัวนี้เลยครับ เพราะว่าเราสามารถดูสินค้าที่ยิงแอดใน Facebook ต่างประเทศที่กำลังได้รับความนิยมอยู่มาให้เราดูครับ และถ้าเราเป็นคนแรกที่นำมาขาย โอกาสที่เราจะทำกำไรได้สูงก็มีมากขึ้นไปด้วย
ผมเองก็ได้สินค้าเงินล้านจาก Bigspy.com ครับ คือเอามาขายคนแรกเลย และยังไม่มีใครขาย ผมเลยขายได้ราคาสูงมาก สินค้าตัวนั้นคืออะไร ไปดูได้ที่วิดีโอนี้ครับ
ซึ่งวิธีการดูเทรนด์จากต่างประเทศแล้วนำเข้ามาขายในไทยนั้นจะยากกว่าการดูสินค้าของคนที่ขายในไทยเพราะว่า
- เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สินค้าที่ขายดีในต่างประเทศ แต่ว่าเวลามาขายในไทยมันจะขายดีเหมือนกันมั๊ย
- เราต้องสำรวจตลาดในไทยด้วยว่าสินค้าตัวนั้นมีใครขายแล้วบ้าง ด้วยการดูใน Lazada/Shopee และใน Facebook
- การนำเข้าสินค้าเราเองต้องมีช่องทางนำเข้าที่เชื่อถือได้ และ รวดเร็วด้วย
- การทดสอบสินค้าก่อนนำเข้ามาขาย เพื่อที่จะได้รู้ว่าสินค้านั้นจะขายได้มั๊ย
ถ้าใครสนในจะใช้ Bigspy.com ก็ลองเข้าไปดูรีวิวของผมก่อนนะครับ
ถ้าสนใจจะใช้สามารถดูวิธีการใช้งานแบบละเอียด และ รับส่วนลด 20% ถ้าซื้อแบบโปร พิเศษผมมีแนะนำชิปปิ้งที่ผมใช้อยู่อีกด้วยครับ ถ้าสนใจก็เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ https://wonderlandproduct.com/
สรุป
การลงโฆษณาใน Facebook เป็นเพียงช่องทางที่ทำให้คนมาเจอเรา แต่เราจะมีสินค้าหรือบริการอะไรมาขาย และมีการยื่นข้อเสนอ โปรโมชั่นอะไรให้คนมาสนใจ การเขียนแคปชั่น การบริการหลังการขาย ทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้นครับ เริ่มต้นอาจจะดูยาก แต่ถ้าเราทำบ่อยๆก็จะเกิดเป็นความชำนาญในแบบที่เรามองเห็นสินค้า เราก็สามารถคิดได้เลยว่าจะขายให้ใคร จะคิดแคปชั่นอย่างไร